สินค้าบางอย่างออกวางขายเท่าไหร่ก็ขายไม่ออก ในขณะที่สินค้าอีกมากมายหลายชนิดยังไม่ทันนำเข้ามาหรือออกขายแค่มีข่าวประชาสัมพันธ์ออกมาคนก็แห่ไปจองกันแล้ว ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดีคนต่างมีรายได้น้อยแต่มีรายจ่ายมากเช่นนี้ การจับจ่ายใช้สอยจึงต้องคิดหน้าคิดหลังมากกว่าเดิม ความต้องการในตัวสินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในหมวดจำเป็นหรือสินค้าฟุ่มเฟือย คนก็ยังคงต้องการจะซื้ออยู่เหมือนเดิม เงื่อนไขหลักที่ทำให้อยากซื้อก็คือ ความอยากได้และความถูกใจ และยิ่งถ้าราคาของสินค้าชิ้นนั้นมีราคาที่คุ้มค่า เอื้อมถึง หรือมีความรู้สึกว่าไม่แพงแล้วละก็ ลูกค้าย่อมจะตัดสินใจซื้อกันง่าย ๆ กลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สินค้าชิ้นนั้นขายดีหรือไม่ กลยุทธ์การตั้งราคาที่กล่าวถึงนี้ก็คือ
1. เลข 9 นำโชค
ตั้งหัวข้อแบบนี้หลายคนอย่าเข้าใจผิด เลข 9 ไม่ใช่เลขของโชครางอะไร แต่เป็นเลขในด้านราคาซึ่งเป็นจิตวิทยาที่ดีมาก ๆ ลองเปรียบเทียบราคาที่เราเห็นในแว๊บแรกกับสินค้าต่าง ๆ ระหว่าง 200 บาทกับ 199 บาท ความรู้สึกแรกคือ 199 ก็คือร้อยกว่า แต่ 200 ก็คือ 200 บางคนเมื่อบอกว่าของราคา 199 ก็ทำให้รู้สึกว่าถูกกว่าทั้ง ๆ ที่ราคาถูกลงมากว่ากันแค่บาทเดียว การตั้งราคาลงท้ายเลข 9 จึงจูงใจให้คนอยากซื้อสินค้ามากกว่า
2. ขายง่ายถ้าตั้งราคาขายเป็นเซ็ต
การตั้งราคาให้เป็นเซ็ต จับสินค้ามาเข้าเซ็ตกันและลดราคาลงมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการขายเดี่ยวแต่ละชิ้น แม้ว่าจะมีกำไรลดลงเล็กน้อย แต่กลับขายสินค้าได้มากชิ้นกว่า ลูกค้าเองแทนที่จะซื้อชิ้นเดียวที่ถูกใจก็จะคิดว่าไหน ๆ ก็จะซื้อแล้วเอาความคุ้มจ่ายเพิ่มอีกไม่มากก็ได้เป็นเซ็ตแล้ว
3. เพิ่มความรู้สึกอยากซื้อด้วยการตั้งราคาให้ถูกกว่ามูลค่าสินค้าที่เห็น
ในกรณีนี้สินค้าของคุณควรจะดูมีราคามากกว่าราคาที่ตั้งขาย ซึ่งไม่ได้หมายถึงมูลค่าจริงหรือต้นทุนของสินค้า แต่สินค้าชิ้นนั้น ๆ ในตัวของมันเองต้องดูดีมีราคาแพง อาจจะด้วยการเพิ่มการออกแบบแพคเกจจิ้ง รูปลักษณ์ต่าง ๆ ให้ดูหรู ดูแพง หรือกล่อง ขวดที่มีรูปทรงดูใหญ่ ดูราคาแพง แล้วตั้งราคาให้ดูถูกกว่าที่เห็น จะทำให้ลูกค้าซื้อกันได้อย่างง่าย ๆ เพราะรู้สึกว่าซื้อได้ง่าย ๆ ไม่แพงเลย
ทั้งหมดนี้คือ กลยุทธ์ในการตั้งราคาสินค้าที่จะทำให้ลูกค้าอยากซื้อและตัดสินใจซื้อกันง่าย ๆ พ่อค้าแม่ค้าได้ทราบแล้วก็ลองนำไปใช้กันเพื่อเพิ่มยอดขายและจะทำให้สินค้าขายได้ง่ายขึ้น